บทนำ
ในโลกธุรกิจที่การแข่งขันไม่เคยหยุดนิ่ง การครองพื้นที่กลายเป็นกลยุทธ์สำคัญในการทำลายคู่แข่ง
ให้สิ้นซาก ไม่ใช่เพียงแค่การครองตลาดหนึ่งๆ แต่เป็นการเพิ่มจำนวนเพื่อยึดครองพื้นที่ในทุกมุมที่ธุรกิจสามารถขยายได้ กลยุทธ์นี้ไม่เพียงแค่ต้องการการลงทุนสูง แต่ยังต้องการการวางแผนที่เฉียบแหลมและความสามารถในการปรับตัวอย่างรวดเร็ว เมื่อธุรกิจของคุณสามารถเข้าถึงทุกพื้นที่ได้ คู่แข่งก็จะถูกจำกัดความสามารถในการแข่งขันลงอย่างมหาศาล และท้ายที่สุดอาจต้องยอมแพ้ไปโดยปริยาย
การเพิ่มจำนวนสาขา
การเพิ่มจำนวนสาขาเป็นหนึ่งในวิธีที่นิยมใช้ในการขยายธุรกิจ โดยเฉพาะในกลุ่มธุรกิจค้าปลีกและบริการ เช่น ร้านอาหารและร้านกาแฟ การขยายสาขาช่วยให้ธุรกิจสามารถเข้าถึงลูกค้าในพื้นที่ต่าง ๆ
ได้ง่ายขึ้น เพิ่มโอกาสในการสร้างรายได้ และขยายส่วนแบ่งการตลาด อย่างไรก็ตาม การขยายสาขาก็มี
ความเสี่ยงและข้อเสียเช่นกัน เช่น ความต้องการการลงทุนที่สูง ความซับซ้อนในการบริหารจัดการ และ
ความเสี่ยงที่เกิดจากการขยายตัวที่รวดเร็วเกินไป
ข้อดีของการเพิ่มจำนวนสาขา
1. การเข้าถึงลูกค้ากลุ่มใหม่ : การขยายสาขาไปยังพื้นที่ใหม่ ๆ ช่วยให้ธุรกิจสามารถเข้าถึงลูกค้ากลุ่มใหม่
ที่ไม่สามารถเข้าถึงได้จากสาขาเดิม การมีสาขาในหลายพื้นที่ยังช่วยสร้างความสะดวกสบายให้กับลูกค้า
ทำให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงสินค้าและบริการได้ง่ายขึ้น
2. การเพิ่มส่วนแบ่งการตลาด : การขยายสาขาช่วยให้ธุรกิจมีการแสดงตัวในตลาดมากขึ้น ส่งผลให้ส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มขึ้น นอกจากนี้การขยายสาขายังช่วยลดความเสี่ยงจากการพึ่งพาสาขาใดสาขาหนึ่งมากเกินไป
3. การสร้างความแข็งแกร่งในการแข่งขัน : การมีสาขาในหลายพื้นที่ช่วยสร้างความแข็งแกร่งในการแข่งขันกับธุรกิจอื่น ๆ โดยเฉพาะในตลาดที่มีการแข่งขันสูง การขยายสาขาช่วยเพิ่มการมองเห็นของธุรกิจและ
สร้างความรู้จักในตลาดได้มากขึ้น
ข้อเสียของการเพิ่มจำนวนสาขา
1. ความต้องการการลงทุนที่สูง : การขยายสาขาใหม่ต้องใช้เงินลงทุนสูงในการเปิดสาขาใหม่ การเตรียมสถานที่ การซื้ออุปกรณ์ และการจ้างพนักงาน รวมถึงค่าใช้จ่ายในการตลาดและการโฆษณาเพื่อนำลูกค้าเข้าสาขาใหม่
2. ความซับซ้อนในการบริหารจัดการ : การขยายสาขาทำให้การบริหารจัดการธุรกิจมีความซับซ้อนมากขึ้น เนื่องจากจะต้องมีการจัดการทั้งในด้านการดำเนินงาน การบริหารพนักงาน และการควบคุมคุณภาพ
ที่อาจลดลงเมื่อมีจำนวนสาขามากขึ้น
3. ความเสี่ยงในการขยายตัวที่รวดเร็วเกินไป : หากธุรกิจขยายตัวเร็วเกินไปโดยไม่มีการวางแผนที่ดี
อาจทำให้เกิดปัญหาในด้านการเงิน การบริหารจัดการ และการควบคุมคุณภาพ ซึ่งอาจส่งผลให้ธุรกิจ
ต้องปิดตัวลงในที่สุด
การขยายสินค้าและบริการ
การเพิ่มหรือพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ๆ เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าที่หลากหลาย
มากขึ้น การขยายในลักษณะนี้มักถูกใช้เป็นกลยุทธ์เพื่อการเติบโตของธุรกิจ โดยมุ่งเน้นการเพิ่มยอดขาย
การขยายตลาด และการสร้างความหลากหลาย
ข้อดีของการขยายสินค้าและบริการ
1. การเพิ่มรายได้ : การนำเสนอสินค้าและบริการใหม่ช่วยให้ธุรกิจสามารถขยายฐานลูกค้าและเพิ่มยอดขายได้ การตอบสนองความต้องการที่หลากหลายของลูกค้าจะช่วยให้ธุรกิจมีโอกาสในการทำกำไรเพิ่มขึ้น
2. การสร้างความแตกต่าง : การขยายสินค้าและบริการที่มีความโดดเด่นและแตกต่างจากคู่แข่งสามารถ
สร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน ช่วยให้ธุรกิจดึงดูดลูกค้าและสร้างความจงรักภักดีต่อแบรนด์
3. ลดความเสี่ยง : การมีผลิตภัณฑ์หรือบริการหลายชนิดช่วยกระจายความเสี่ยง หากสินค้าหรือบริการใด
ไม่ประสบความสำเร็จ ธุรกิจยังมีสินค้าอื่นที่สามารถสร้างรายได้และรักษาความมั่นคงของธุรกิจได้
ข้อเสียของการการขยายสินค้าและบริการ
1. ต้นทุนที่เพิ่มขึ้น : การขยายสินค้าและบริการมักต้องการการลงทุนเพิ่มเติมในการวิจัย พัฒนา ผลิต และ
ทำการตลาด ซึ่งอาจทำให้ธุรกิจมีภาระด้านต้นทุนมากขึ้น โดยเฉพาะหากสินค้าหรือบริการใหม่
ไม่ประสบความสำเร็จ
2. ความซับซ้อนในการบริหารจัดการ : การเพิ่มจำนวนสินค้าและบริการทำให้การบริหารจัดการภายในองค์กรซับซ้อนขึ้น ธุรกิจต้องจัดการกับซัพพลายเชนที่ซับซ้อนยิ่งขึ้น รวมถึงการฝึกอบรมพนักงานให้เข้าใจในผลิตภัณฑ์ใหม่
3. ความเสี่ยงต่อแบรนด์ : การนำเสนอสินค้าและบริการที่ไม่สอดคล้องกับแบรนด์เดิมหรือไม่ตรงกับ
ความต้องการของตลาด อาจทำให้ภาพลักษณ์ของแบรนด์เสียหาย และทำให้ความเชื่อมั่นของลูกค้าลดลง
เคล็ดลับการยึดครองพื้นที่ใหม่
1. ศึกษาตลาดอย่างละเอียด
ก่อนการเข้าสู่ตลาดใหม่ การศึกษาตลาดเป็นขั้นตอนสำคัญที่จะช่วยให้ธุรกิจเข้าใจถึงพฤติกรรมผู้บริโภค ความต้องการของตลาด และการแข่งขันในตลาดนั้นๆ การทำวิจัยตลาด การสำรวจลูกค้า และ
การวิเคราะห์คู่แข่งจะช่วยให้ธุรกิจสามารถวางกลยุทธ์ที่เหมาะสมและปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อม
ในตลาดใหม่ได้
2. ปรับผลิตภัณฑ์หรือบริการให้สอดคล้องกับตลาดใหม่
เมื่อเข้าสู่ตลาดใหม่ ธุรกิจควรปรับผลิตภัณฑ์หรือบริการให้ตรงกับความต้องการและวัฒนธรรมของผู้บริโภคในตลาดนั้นๆ การปรับตัวนี้อาจรวมถึงการเปลี่ยนแปลงในด้านการออกแบบ ราคา หรือคุณสมบัติของสินค้า เพื่อให้สอดคล้องกับความคาดหวังของลูกค้าในตลาดใหม่
3. สร้างพันธมิตรในท้องถิ่น
การสร้างพันธมิตรทางธุรกิจในท้องถิ่นเป็นอีกหนึ่งเคล็ดลับที่สำคัญ พันธมิตรในท้องถิ่นจะช่วยให้ธุรกิจสามารถเข้าถึงเครือข่ายและทรัพยากรที่จำเป็นในการเข้าสู่ตลาดใหม่ได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ พันธมิตรที่มีความรู้เกี่ยวกับตลาดท้องถิ่นยังสามารถช่วยลดความเสี่ยงและเพิ่มโอกาส
ในการประสบความสำเร็จได้
4. สร้างการรับรู้แบรนด์
การสร้างการรับรู้แบรนด์เป็นสิ่งสำคัญในการยึดครองพื้นที่ในตลาดใหม่ การทำการตลาดและ
การประชาสัมพันธ์ที่มีประสิทธิภาพจะช่วยให้ลูกค้าในตลาดใหม่รู้จักและสนใจในผลิตภัณฑ์หรือบริการของธุรกิจ การใช้สื่อสังคม การโฆษณาออนไลน์ และการเข้าร่วมกิจกรรมในท้องถิ่นเป็นวิธีที่ช่วยสร้าง
การรับรู้แบรนด์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
5. ให้ความสำคัญกับการบริการลูกค้า
การให้บริการลูกค้าที่ดีเป็นปัจจัยที่ช่วยให้ธุรกิจสามารถยึดครองพื้นที่ในตลาดใหม่ได้ การให้บริการที่เป็นมิตรและตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างรวดเร็วจะช่วยสร้างความจงรักภักดีในระยะยาว นอกจากนี้ การรับฟังความคิดเห็นและข้อเสนอแนะจากลูกค้าในตลาดใหม่ยังเป็นวิธีที่ช่วยให้ธุรกิจปรับปรุงและพัฒนาบริการให้ดียิ่งขึ้น
6. วางแผนการเติบโตระยะยาว
ขั้นตอนสุดท้าย การวางแผนการเติบโตระยะยาวเป็นสิ่งสำคัญในการยึดครองพื้นที่ในตลาดใหม่
ธุรกิจควรกำหนดเป้าหมายที่ชัดเจนและสร้างกลยุทธ์ที่สามารถตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงในตลาดได้
การมีแผนการเติบโตที่ยืดหยุ่นและพร้อมรับมือกับความท้าทายจะช่วยให้ธุรกิจสามารถรักษาตำแหน่ง
ในตลาดใหม่ได้อย่างยั่งยืน
กรณีศึกษา : ธุรกิจที่ประสบความสำเร็จในการยึดครองพื้นที่ด้วยการทำลายคู่แข่งผ่านการเพิ่มจำนวน
การทำลายคู่แข่งด้วยการเพิ่มจำนวนเพื่อยึดครองพื้นที่เป็นกลยุทธ์ที่ธุรกิจบางแห่งใช้เพื่อขยายอิทธิพลในตลาดและทำลายคู่แข่งที่อาจแข็งแกร่งกว่า โดยการเพิ่มจำนวนสินค้า สาขา หรือบริการ เพื่อสร้าง
ความได้เปรียบในการแข่งขันทั้งในระดับท้องถิ่นและระดับสากล ตัวอย่างของบริษัทที่ประสบความสำเร็จจากการใช้กลยุทธ์นี้มีทั้งในไทยและต่างประเทศ
7-Eleven (ประเทศไทย)
การขยายสาขาอย่างรวดเร็ว
7-Eleven ในประเทศไทยเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของการใช้กลยุทธ์การเพิ่มจำนวนเพื่อยึดครองพื้นที่ โดยการขยายสาขาอย่างรวดเร็วทั่วประเทศ 7-Eleven เริ่มดำเนินธุรกิจในประเทศไทยตั้งแต่ปี 1989 และเติบโตอย่างรวดเร็วโดยการเปิดสาขาใหม่ๆ ทุกมุมเมืองและชนบท ในปัจจุบัน 7-Eleven มีสาขากว่า
13,000 แห่งทั่วประเทศ ทำให้แบรนด์นี้เข้าถึงลูกค้าได้อย่างกว้างขวางและกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันของคนไทย
การทำลายคู่แข่ง
การขยายสาขาอย่างรวดเร็วของ 7-Eleven ส่งผลให้ร้านค้าสะดวกซื้ออื่นๆ ต้องเผชิญกับการแข่งขันที่หนักหน่วง หลายแบรนด์ไม่สามารถทนต่อความกดดันจากการมี 7-Eleven ทุกที่ทุกมุมถนน และต้องปิดกิจการไปในที่สุด การที่ 7-Eleven มีสาขามากมายและครอบคลุมทุกพื้นที่ทำให้พวกเขาสามารถเข้าถึงลูกค้าได้ตลอด 24 ชั่วโมง และสร้างความภักดีต่อลูกค้าได้อย่างมาก
กลยุทธ์เพิ่มเติม
นอกจากการขยายสาขา 7-Eleven ยังเพิ่มบริการต่างๆ เช่น การชำระบิล การเติมเงินมือถือ และ
การให้บริการขนส่งด่วน ทำให้ลูกค้าไม่ต้องไปหาบริการจากที่อื่น เพิ่มความสะดวกสบายและทำให้แบรนด์แข็งแกร่งยิ่งขึ้น
McDonald’s (สหรัฐอเมริกาและทั่วโลก)
การขยายสาขาทั่วโลก
McDonald’s เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของการใช้กลยุทธ์การเพิ่มจำนวนเพื่อยึดครองพื้นที่ในระดับสากล บริษัทเริ่มต้นจากร้านเดียวในปี 1940 และขยายสาขาไปทั่วโลกอย่างรวดเร็ว ปัจจุบัน McDonald’s
มีสาขามากกว่า 38,000 แห่งในกว่า 100 ประเทศ ทำให้แบรนด์เป็นที่รู้จักและเข้าถึงได้ทั่วโลก
การทำลายคู่แข่ง
ด้วยจำนวนสาขาที่มากมาย McDonald’s สามารถทำลายคู่แข่งในตลาดอาหารจานด่วนได้อย่าง
มีประสิทธิภาพ การที่แบรนด์นี้มีสาขาอยู่แทบทุกเมืองสำคัญในโลกทำให้ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงอาหารของ McDonald’s ได้ง่ายขึ้น เมื่อเทียบกับคู่แข่งที่อาจมีสาขาน้อยกว่าหรือกระจายตัวไม่ดีเท่า
การรักษามาตรฐาน
หนึ่งในปัจจัยที่ช่วยให้ McDonald’s ประสบความสำเร็จในการยึดครองพื้นที่คือการรักษามาตรฐานของผลิตภัณฑ์และบริการให้เหมือนกันในทุกสาขา ลูกค้าสามารถคาดหวังคุณภาพและรสชาติที่คงที่ไม่ว่าจะซื้ออาหารจากสาขาใดในโลก ทำให้แบรนด์ได้รับความเชื่อถือและสร้างความภักดีในระยะยาว
CP ALL (ประเทศไทย)
การขยายการผลิตและการกระจายสินค้า
เครือเจริญโภคภัณฑ์ (CP ALL) เป็นตัวอย่างของบริษัทที่ใช้กลยุทธ์การเพิ่มจำนวนในด้านการผลิตและกระจายสินค้าเพื่อยึดครองตลาด โดยเฉพาะในธุรกิจอาหารและสินค้าเกษตร CP ALL มีการขยายธุรกิจครอบคลุมตั้งแต่การผลิตสินค้า การแปรรูป การขนส่ง และการขายสินค้าผ่านช่องทางต่างๆ รวมถึง 7-Eleven ที่ดำเนินการในประเทศไทย
การครองตลาด
การที่ CP ALL มีการควบคุมห่วงโซ่อุปทานทั้งหมด ทำให้บริษัทสามารถแข่งขันกับคู่แข่งได้อย่าง
มีประสิทธิภาพ และมีความสามารถในการเสนอราคาที่แข่งขันได้ พร้อมกับคุณภาพที่สูง นอกจากนี้
การมีผลิตภัณฑ์หลากหลายชนิดและการกระจายสินค้าอย่างทั่วถึง ทำให้ CP ALL สามารถตอบสนอง
ความต้องการของผู้บริโภคได้อย่างครบถ้วนและยึดครองตลาดในประเทศไทยได้อย่างมั่นคง
การขยายธุรกิจสู่ตลาดต่างประเทศ
CP ALL ยังขยายธุรกิจไปยังตลาดต่างประเทศ โดยใช้โมเดลธุรกิจที่ประสบความสำเร็จในประเทศไทยเป็นต้นแบบ การขยายตลาดนี้ช่วยให้บริษัทสามารถกระจายความเสี่ยงและเพิ่มโอกาสในการเติบโตในอนาคต
บทสรุป
กลยุทธ์การเพิ่มจำนวนเพื่อยึดครองพื้นที่เป็นวิธีที่ธุรกิจใช้เพื่อสร้างความแข็งแกร่งและขยายอิทธิพล
ในตลาด โดยผ่านการขยายสาขา การเพิ่มสินค้าและบริการ และการสร้างเครือข่ายการกระจายสินค้าที่ครอบคลุม เช่นในกรณีของ 7-Eleven ที่ขยายสาขาอย่างรวดเร็วทั่วประเทศไทย จนกลายเป็นแบรนด์ที่คนไทยรู้จักและเข้าถึงได้ทุกที่ หรือ McDonald’s ที่ขยายสาขาทั่วโลกทำให้ครองตำแหน่งในตลาดอาหารจานด่วนได้อย่างมั่นคง กลยุทธ์นี้ช่วยให้ธุรกิจสามารถลดความเสี่ยงจากการแข่งขัน และสร้างความภักดีในระยะยาวจากลูกค้า แม้ว่าจะมีความท้าทายในการลงทุนและบริหารจัดการ แต่ผลที่ได้รับจากการครองตลาดอย่างสมบูรณ์
ทำให้ธุรกิจเหล่านี้สามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืนและต่อเนื่อง